169 คนดู · 21 Feb 2024
#ประเทศไทย#ศรีสะเกษ#ขุนหาญ#แหล่งท่องเที่ยว ภูฝ้ายจะเป็นภูเขาหินบริเวณเชิงเขาจะมีโรงงานโม่หินสำหรับนำไปก่อสร้าง แต่ปัจจุบันได้ลดปริมาณการผลิตลง ส่วนพื้นที่ดินที่อยู่รอบๆ ทางทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ตำบลกระแซง อำเภอกันทรลักษ์ ทางทิศเหนือเป็นพื้นที่ตำบลไพรและทิศใต้เป็นพื้นที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จะเป็นเขตพื้นที่ที่มีเนื้อดินเป็นสีแดงอุดมสมบูรณ์เหมาะสมสำหรับปลูกพืชสวนและพืชไร่อย่างกว้างขวาง ส่วนทางทิศตะวันตกเป็นเขตที่ราบลุ่มห้วยทา ตอนบนเป็นพื้นที่นากว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์มาก ภูฝ้ายเป็นสันปันน้ำทางตะวันออก น้ำจะรวมกันเป็นร่องน้ำไหลลงห้วยตามายทางซีกใต้และตะวันตกจะไหลลงมาห้วยทา เมื่อถึงเชิงเขาเดินด้วยเท้าขึ้นภูฝ้ายซึ่งสูงชันมาก แต่ก็มีเส้นทางเดินเท้า ที่สะดวกพอสมควร เมื่อถึงยอดเขาก็จะถึงที่ตั้งปราสาทซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือของสันเขายอดเขาภูฝ้าย ปรางค์ปราสาทจะมี สามหลังเรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ ตั้งอยู่บนฐานหิน
เดียวกัน สภาพปรางค์ทั้งสามองค์ อยู่ในสภาพที่หักพังมาก ไม่ได้รับการบูรณะที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังถูกลักลอบขุดค้นทำลายเสียหายจนเหลือเพียงฐานปรางค์เศษอิฐดินเผาและหินที่เคยเป็นส่วนของปรางค์ปราสาทเกลื่อนกระจาย มีทับหลังรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่สมบูรณ์และสวยงามมาก คล้ายกับทับหลังของปราสาทตำหนักไทร พระอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านพรานเกรงจะถูกขโมยจึงพาชาวบ้านนำไปเก็บรักษาไว้ที่บ้านพราน ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดสุพรรณรัตน์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เคยมีเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาขอ เพื่อนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย แต่ชาวบ้านรักและหวงแหนไม่ยอมมอบให้ ส่วนที่ยังปรากฏเห็นก็คือกำแพงแก้วก่อล้อมรอบองค์ปรางค์ปราสาทแห่งนี้มีความแปลกที่ไม่มีบารายอยู่ทางทิศตะวันออกของตัวปราสาท ตามคิตขอม แต่กลับมีสระน้ำโบราณอยู่ทางทิศใต้ของภูฝ้าย ชาวบ้านเล่าว่าสระน้ำแห่งนี้ จะมีน้ำใสสะอาดใต้สระน้ำนี้จะมีช่องตาน้ำเชื่อมกับหนองน้ำขนาดใหญ่ที่บ้านกระมัล และหัวน้ำผุดที่อยู่ใกล้บ้านทุ่งเลน บ้านสำโรงเก่า และบ้านดอนข่า ที่มีเรื่องราวเล่าต่อกันมาว่าเคยเป็นที่ตั้ง
เมืองในสมัยโบราณ ปราสาทแห่งนี้จึงควรศึกษาค้นคว้าและบูรณะเพื่อให้เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีคุณค่า มีความหมายสำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป
อายุปราสาท พิจารณาจากพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่อยู่วัดสุพรรณรัตน์ อาจสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ แต่หากพิจารณาประติมากรรม ทับหลังนารายณ์ บรรทมสินธุ์อีกชิ้นซึ่งอยู่ที่ปราสาทภูฝ้ายหลังเล็กตะวันออกวัดภูฝ้ายซึ่งพังหมดแล้ว ด้านนอกมีศิลาเรียงไว้เป็นกำแพง ขนาด ๕๐x๓๕ เมตร ศาสตราจารย์บวสเซอลีเย่อบอกว่าเป็นฝีมือช่างท้องถิ่น เครื่องประดับและชฎามงกุฎของพระนารายณ์ น่าจะมีอายุอยู่ในราว พ.ศ. ๑๕๐๐ ซึ่งเป็นศิลปะขอมแบบเกาะแกร์